แนะแนวการศึกษา

การจัดการศึกษาขั้นพื้นฐาน  มี  3  รูปแบบ  คือ

 

                                1.  การศึกษาวิธีเรียนพบกลุ่ม  เน้นหนักการเรียนรู้ด้วยตนเองเป็นหลัก  มีการพบกลุ่มเพื่อนำสิ่งที่ได้ไปศึกษาค้นคว้า  แล้วมานำเสนอ อภิปราย และสรุปร่วมกันในลักษณะแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกัน

                                2.  การศึกษาวิธีเรียนทางไกล  เป็นวิธีการเรียนรู้ด้วยตนเอง  โดยผ่านสื่อการศึกษาทางไกล  ได้แก่  ชุดการเรียนทางไกล CD  VCD  รายการทางวิทยุและโทรทัศน์  Internet   เป็นต้น

                                3.  การประเมินเทียบระดับการศึกษา  เป็นการประเมินจากความรู้  ทักษะ  ผลงาน  ประสบการณ์จากแฟ้มสะสมผลงาน โครงงาน  การสอบ  ปฏิบัติ  สัมภาษณ์  และทำกิจกรรมเข้าค่ายหรือกิจกรรม กพช. (กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต)

 

 

รายละเอียดวิธีเรียนแบบพบกลุ่ม

 

 

การลงทะเบียน

1. ระดับประถม และระดับมัธยมศึกษาศึกษาตอนต้น นักศึกษาสามารถลงทะเบียนได้ภาคเรียนละ 2 หมวด โดยลงทะเบียนในกลุ่มหมวดพื้นฐาน 1 หมวด และกลุ่มหมวดประสบการณ์ 1 หมวด โดยยกเว้นหมวดวิชาที่นำมาเทียบโอนผลการเรียน

 2. ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย  นักศึกษาสามารถลงทะเบียนเรียนได้ภาคเรียนละ 2 หมวดวิชา  โดยลงทะเบียนในหมวดวิชาพื้นฐาน 1 หมวดและหมวดประสบการณ์ 1 หมวด

* ยกเว้นหมวดวิชาที่ได้ผลการเรียนเป็น  หรือหมวดวิชาที่เรียนเพิ่มเติมจะสามารถลงทะเบียนเรียนได้ 3 หมวดวิชา  ทั้งนี้ไม่นับรายหมวดวิชาที่เทียบโอนผลการเรียน

3. การลงทะเบียนกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต นักศึกษา ต้องลงไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมง  ซึ่งเป็นเงื่อนไขหนึ่งที่นักศึกษาจะต้องได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด  จึงจะได้รับการประเมินตามเกณฑ์ที่สถานศึกษากำหนด  จึงจะได้รับการพิจารณาให้จบหลักสูตรในแต่ละระดับการเรียนได้

4. การลงทะเบียนรักษาสภาพ กรณีนักศึกษาไม่สามารถลงทะเบียนเรียน ในภาคเรียนใดภาคเรียนหนึ่งได้จะต้องลงทะเบียนรักษาสภาพการเป็นนักศึกษา หากไม่สามารถลงทะเบียนรักษาได้ ต้องลงทะเบียนย้อนหลังทุกภาคเรียนที่ไม่ได้ลงทะเบียนทั้งนี้ต้องไม่เกิน 6 ภาคเรียนติดต่อกัน และต้องเป็นไปตามวัน เวลา วิธีการที่สถานศึกษากำหนด

 


ระยะเวลารับสมัคร

กศน.เขต (ศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนเขตเดิม)  จะประกาศเปิดรับสมัครและลงทะเบียนเรียนปีละ 2 ครั้ง ในช่วงเวลา

                ภาคเรียนที่ 1            รับสมัครเดือน เมษายน

                                                เปิดภาคเรียน 16 พฤษภาคม

                ภาคเรียนที่ 2            รับสมัครเดือน ตุลาคม

                                                เปิดภาคเรียน 1 พฤศจิกายน

จัดกระบวนการเรียนการสอนหรือนักศึกษาต้องมาพบกลุ่ม  18 ครั้ง สัปดาห์ละ 1 ครั้ง  นักศึกษาต้องมีเวลาพบกลุ่มไม่น้อยกว่า 80 ขาดเรียนได้ไม่เกิน 4 ครั้ง จะทำให้หมดสิทธิ์สอบ 

เวลาเรียนแบ่งการเรียนออกเป็น 2 ภาคเรียน ภาคเรียนละ 20 สัปดาห์ โดยกำหนดให้ทุกระดับ ต้องมีเวลาเรียนไม่น้อยกว่า 4 ภาคเรียน หรือ 2 ปี ยกเว้น ผู้ที่มีเทียบโอนผลการเรียนสามารถจบก่อน 4 ภาคเรียน

 


หลักฐานการรับสมัคร

1. ใบสมัคร

2.  รูปถ่าย 1 นิ้ว 2 รูป หน้าตรงไม่สวมแว่นตาดำ ไม่สวมหมวก และสวมเสื้อสีขาวมีปก

3. สำเนาทะเบียนบ้านพร้อมตัวจริง

4 . สำเนาหนังสือแสดงวุฒิ พร้อมฉบับจริง

5. สำเนาบัตรประชาชน  พร้อมฉบับจริง

 

 

สถานที่รับสมัคร

-  ศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยเขต (กศน.เขต) หรือศูนย์บริการการศึกษานอกโรงเรียนเขตเดิม

-  ศูนย์การเรียนชุมชน



 


การวางแผนการจัดการเรียนรู้

                 1. ครูและนักศึกษาร่วมกันวิเคราะห์หลักสูตร  มาตรฐานและสาระการเรียนรู้แล้วจัดแบ่งเนื้อหาสาระ เป็น 3 ส่วน ดังนี้

                                  1.1 เนื้อหาที่ง่ายนักศึกษาเรียนรู้ด้วยตัวเอง  โดยการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) ตลอดสัปดาห์ต้องมีเวลาสำหรับการเรียนรู้ไม่น้อยกว่า 15 ชั่วโมง (เฉลี่ยวันละ 3 ชั่วโมง) มีการจดบันทึก  เรียบเรียงความรู้นั้น  ไว้เป็นหลักฐานและนำเสนอผลการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง   เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในเวลาพบกลุ่ม  ผู้เรียนก็ช่วยกันเรียนและเติมเต็มความรู้แก่กัน

                                  1.2 เนื้อหาที่ยากปานกลาง  ครูและนักศึกษาต้องร่วมกันจัดแผนการเรียนรู้  โดยครูเป็นผู้สอนในแต่ละสัปดาห์

                                   1.3 เนื้อหาที่ยากมาก  ครูและนักศึกษาร่วมกันจัดแผนการเรียนรู้ โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญมาสอนแทน

                  2. นักศึกษาและครู ร่วมกันวางแผนการเรียนรู้ตลอดภาคเรียนและนักศึกษาจะต้องจัดทำแผนจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของตนเองทุกสัปดาห์ตลอดภาคเรียน

                  3. นักศึกษาและครูร่วมกันวางแผนการวัดและประเมินผลการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ทุกกิจกรรมตลอดภาคเรียน

 

การจัดกระบวนการเรียนรู้

           1.  กิจกรรมพบกลุ่ม (พก.) นักศึกษาต้องมีเวลาพบกลุ่มอย่างน้อย 3 ชั่วโมงต่อ สัปดาห์

                  2.  การเรียนรู้ต่อเนื่อง (กรต.) นักศึกษาต้องมีเวลาในการเรียนรู้ด้วยตนเอง

อย่างน้อย 15 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือวันละ 3 ชั่วโมง

                  3.    การทำโครงงาน  นักศึกษาต้องเรียนรู้โดยการทำโครงงาน  หมวดวิชาละ 1

โครงงาน ในแต่ละภาคผู้เรียนจะต้องรวมกลุ่มกันประมาณ 5-7 คน เพื่อทำโครงงาน 1 โครงงาน ต่อ 1 หมวดวิชา  โดยร่วมกันคิดวิเคราะห์ว่าจะทำโครงงานใดในหมวดวิชานั้น  วางแผนและลงมือปฏิบัติ  นำเสนอความก้าวหน้าของการทำโครงงานในการพบกลุ่มเป็นระยะ ๆ  เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้และเกิดความคิดต่อยอดเพื่อนำไปพัฒนาโครงงานอย่างต่อเนื่องทุกกลุ่มจนสิ้นสุดภาคเรียน

                  4.   การจัดการเรียนรู้โดยการทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) เป็น

กิจกรรมการเรียนรู้โดยกระบวนการพบกลุ่ม  และเป็นเงื่อนไขของการจบหลักสูตรการศึกษานอกโรงเรียนทุกระดับ    เป็นกิจกรรมกลุ่มผู้เรียนทำตามความสนใจความถนัด  โดยเน้นการนำความรู้และประสบการณ์ที่ได้จากการศึกษา / เรียนรู้ ไปสู่การปฏิบัติที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตจริงเพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม มีการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ระเบียบวินัยความรับผิดชอบ  การอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข  ซึ่งผู้เรียนจะทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตในภาคเรียนใด ภาคเรียนหนึ่งก็ได้  และสามารถทำร่วมกับผู้เรียนในระดับการศึกษาอื่น  โดยทำให้เป็นไปตามเกณฑ์ที่กำหนด

 


การเทียบโอนการศึกษา

                ตามเจตนารมณ์ ของ พระราชบัญญัติ การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  ได้กำหนดรูปแบบ การศึกษาไว้ 3 รูปแบบ คือ การศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบ และการศึกษาตามอัธยาศัย ซึ่งประชาชนจะเลือกรูปแบบใดก็ได้ และสามารถนำผลการเรียน มาเทียบโอน

                การเทียบโอนผลการเรียน หมายถึง การนำผลการเรียนซึ่งเป็นความรู้ ทักษะ และ ประสบการณ์ของผู้เรียนที่เกิดจากการศึกษา ทั้ง 3 รูปแบบ มาประเมินเป็นส่วนหนึ่ง

ขอบข่ายการเทียบโอนผลการเรียน

1.  การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ และ การศึกษานอกระบบ


เป็นการนำหลักฐานแสดงผลการเรียนที่ได้เรียนมาจากหลักสูตรต่างๆ ทั้งในระบบและนอกระบบโรงเรียน  แต่ไม่จบหลักสูตรมาเทียบโอนเป็นผลการเรียนตามหลักสูตรในระดับที่สมัครเรียนกับ กศน. ได้แก่ หลักฐานแสดงผลการเรียนในระบบโรงเรียนที่ไม่จบหลักสูตร(ลาออก) ดังนี้
     - ระดับประถมศึกษา
     - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น หรือเทียบเท่า
     - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย, ปวช. หรือเทียบเท่า
หลักฐานแสดงผลการเรียนนอกระบบโรงเรียนที่ไม่จบหลักสูตร  ดังนี้
     - ระดับประถมศึกษา
     - ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น
     - ระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย
     - หลักสูตรการศึกษาต่างประเทศจากสถานศึกษาของรัฐ หรือสถานศึกษาเอกชนที่ได้รับรองมาตรฐานวิทยฐานะ
หมายเหตุ  การขอเทียบโอนให้นักศึกษาเสนอขอเทียบโอนภาคเรียนแรกเอสิทธิประโยชน์ของนักศึกษาเอง กรณีที่ไม่มีสำเนายื่นหลักฐานขอเทียบโอนได้ตามกำหนดให้เสนอสถานศึกษาพิจารณาเป็นรายๆไป
 
2.  การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษานอกระบบที่จัดเป็นหลักสูตรเฉพาะ

3.  การเทียบโอนผลการเรียนจากหลักสูตรต่างประเทศ

4 . การเทียบโอนประสบการณ์ กลุ่มเป้าหมายเฉพาะ เช่น ทหารกองประจำการ อาสาสมัครสาธารณสุข ผู้นำท้องถิ่น เป็นต้น

5.การเทียบโอนผลการเรียนจากการเรียนรู้ ในกิจกรรมพัฒนาอาชีพ

 

 

วิธีการเทียบโอนผลการเรียน

1.   การเทียบโอนผลการเรียนจากการศึกษาในระบบ และ การศึกษานอกระบบ

2.   การเทียบความรู้และประสบการณ์

การเตรียมตัวของผู้ต้องการเทียบโอนผลการเรียน

1. จัดเตรียมเอกสารทางการศึกษา เป็นใบ ป.05  รบ. 1 ต

2. จัดเตรียมเอกสารการเทียบโอน ใบ สด.8 , บัตรประจำตัวอาสาสมัครสาธารณสุข

3.  หลักฐานอื่นๆ

 


หลักฐานการขอจบหลักสูตร  

                 การยื่นเรื่องขอจบหลักสูตร สามารถทำได้ ภาคเรียน คือ

ภาคเรียนที่  1   ประมาณต้นเดือนกุมภาพันธ์

ภาคเรียนที่    ประมาณต้นเดือนกันยายน

เมื่อนักศึกษาได้รับการอนุมัติผ่านระดับการศึกษาและจบหลักสูตรแต่ละระดับแล้ว นักศึกษาจะต้องยื่นคำร้องขอจบการศึกษาพร้อมหลักฐาน ดังนี้

1.   ใบคำร้องขอจบหลักสูตร

2.   รูปถ่าย 4x5 เซนติเมตร จำนวน 2 รูป สวมเสื้อเชิ้ตสีขาว ไม่สวมหมวก ไม่สวมแว่นตาดำถ่ายไว้ไม่เกิน 6 เดือน ไม่เป็นรูปประเภทโพลาลอยด์

3.   สำเนาทะเบียนบ้าน

4.   สำเนาหนังสือสำคัญ แสดงวุฒิเดิมก่อนเข้าเรียน

5.   สำเนาเอกสารที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบเปลี่ยนชื่อ  เปลี่ยนสกุล ใบทะเบียนสมรส (ถ้ามี)

 

                                              


 
การปฏิบัติตนของนักศึกษา

    ผู้เรียนในสถานศึกษา สังกัดของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยจังหวัดฉะเชิงเทรา
      1. ต้องปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับอย่างเคร่งครัด
      2. ต้องแต่งกายตามระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษา
      3. ต้องปฏิบัติตนเป็นพลเมืองดี
      4. ต้องรักษาไว้ซึ่งความสามัคคีระหว่างกันในหมู่คณะ
      5. ต้องไม่ทำอันตรายหรือทำให้เสียหายชำรุด หรือบกพร่องซึ่งทรัพย์สินของสถานศึกษาและผู้อื่น
      6. ต้องไม่เล่นการพนันหรือมีอุปกรณ์การพนันไว้ในครอบครอง และไม่นำพามาในสถานศึกษา
      7. ต้องไม่ดื่มสุรา ไม่สูบบุหรี่ และสิ่งเสพติดในห้องเรียนโดยเฉพาะในสถานที่พบกลุ่ม
      8. ต้องไม่ประพฤติตนขัดต่อศีลธรรมอันดีหรือกระทบกระเทือนต่อความมั่นคงของประเทศ
      9. ไม่นำความเสื่อมเสียมาสู่สถานศึกษาที่ตนสังกัดอยู่
    10. ไม่ทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกายต่อผู้อื่น

การพ้นสภาพการเป็นนักศึกษา


    นักศึกษาจะพ้นสภาพการเป็นนักศึกษาเมื่อ
      1. สำเร็จการศึกษา
      2. ลาออก
      3. ตาย
      4. ออกตามระเบียบกระทรวงศึกษาธิการว่าด้วยการลงโทษนักเรียนหรือนักศึกษา
      5. ไม่ลงทะเบียนเพื่อรักษาสภาพเป็นนักศึกษาเป็นเวลา 6 ภาคเรียนติดต่อกัน
      6. ขาดคุณสมบัติการเป็นนักศึกษาสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธย

 



 กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.)
        กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต (กพช.) เป็นกิจกรรมที่เป็นองค์ประกอบสำคัญส่วนหนึ่งในโครงสร้าง ที่กำหนดไว้ในหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน ป็นกิจกรรมที่เป็นเงื่อนไขที่ผู้เรียนทุกคนต้องทำก่อนการจบหลักสูตร โดยผู้เรียนสามารถทำกิจกรรมดังกล่าวสะสมได้ทุกภาคเรียนหรือภาคเรียนเดียว ในกรณีที่ผู้เรียนมีการเทียบโอนผลการเรียนและใช้เวลาเรียน เพียงภาคเรียนเดียว รวมตลอดหลักสูตรไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมง และผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมาก
        วัตถุประสงค์
  1  เพื่อให้ผู้เรียนมีโอกาสใช้กระบวนการกลุ่ม ได้แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์โดยฝึกทักษะความมีเหตุผล การคิดเป็น ทำเป็น และแก้ปัญหาเป็น
   2  เพื่อส่งเสริมให้ผู้เรียนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาตนเอง ครอบครัว ชุมชนและสิ่งแวดล้อม ทำให้เกิดความรู้สึกผูกพันเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว ชุมชน สังคม อย่างแน่นแฟ้น รวมทั้ง มีบทบาทหน้าที่ความรับผิดชอบในฐานะเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
   3  เพื่อปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรมให้ผู้เรียน ผู้เรียนทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อได้รับการปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม มีระเบียบวินัย มีความรับผิดชอบ และอยู่ร่วมกันในสังคมอย่างมีความสุข
      การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
               1  ครูจัดประชุมชี้แจงผู้เรียนให้เข้าใจกระบวนการจัดทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
               2  ครูร่วมกับผู้เรียนจัดทำแผนการจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครบถ้วน และในภาคปฏิบัติสามารถดำเนินการภายใต้ขอบข่ายเนื้อหา ดังนี้
                        1)  กิจกรรมศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและประเพณีโดยพิจารณากิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนยึดมั่นในศาสนาและปลูกฝังค่านิยมที่ดี เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรมและประเพณี ที่ดีงามของท้องถิ่นและของชาติ
                        2)  กิจกรรมการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณาเลือกทำกิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์ เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างยั่งยืน
                        3)  กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตเกี่ยวกับการสนับสนุนงานการศึกษานอกโรงเรียน โดยพิจารณาเลือกทำกิจกรรมที่มุ่งเน้นให้เห็นความสำคัญ เกิดความรัก ความผูกพัน และเป็นส่วนหนึ่งของการศึกษา นอกโรงเรียน ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องเสียค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นการสนับสนุน แต่ต้องลงมือปฏิบัติกิจกรรมที่ช่วยพัฒนาสนับสนุนงานการศึกษานอกโรงเรียนโดยแท้จริง
               3  ผู้เรียนรวมกลุ่มเขียนโครงการและเสนอขออนุมัติต่อสถานศึกษา ทั้งนี้โดยมีครูผู้รับผิดชอบเป็นที่ปรึกษาโครงการ
                4  ครูต้องเป็นที่ปรึกษาและให้คำแนะนำในการวางแผนการประสานงาน การแก้ไขปัญหา ในการปฏิบัติการจัดทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตในภาคการปฏิบัติของผู้เรียน
                5  มีการแต่งตั้งคณะกรรมการพิจารณา และประเมินผลการปฏิบัติการโครงการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ครูต้องทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการฯ เพื่อพิจารณาและกำหนดจำนวนชั่วโมง ของแต่ละกิจกรรม ก่อนขออนุมัติโครงการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต
                6  นิเทศติดตามการปฏิบัติงานในโครงการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต เมื่อโครงการ ของผู้เรียนได้รับการอนุมัติแล้ว ผู้เรียนจะดำเนินงานตามโครงการฯ ดังกล่าว ครูต้องนิเทศตามโครงการนั้น ๆ
                7  ดำเนินงานร่วมกับคณะกรรมการพิจารณาและประเมินผลการปฏิบัติโครงการกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ครูต้องทำหน้าที่เป็นคณะกรรมการที่สถานศึกษาแต่งตั้งและดำเนินงานร่วมกับคณะกรรมการนั้น ๆ ตามจำนวนชั่วโมงและความยากง่ายของโครงการ
        การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตจะต้องเป็นไปตามหลักการ วัตถุประสงค์ และเกณฑ์การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมทั้งให้ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อบุคคล ชุมชน และสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวข้อง
        อย่างไรก็ตาม ครูผู้รับผิดชอบผู้เรียนสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับเนื้อหารายละเอียดต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับหลักการและเหตุผล ประเภท ปรัชญา ความเชื่อพื้นฐาน วัตถุประสงค์และเกณฑ์การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตได้ในเอกสาร “เกณฑ์การจัดกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตตามหลักเกณฑ์และวิธีการจัดการศึกษานอกโรงเรียน
        การทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ผู้เรียนจะต้องลงมือปฏิบัติกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อพัฒนาตนเอง ครอบครัว และพัฒนาชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม รวมแล้วไม่น้อยกว่า 100 ชั่วโมง ทั้งนี้ผู้เรียนสามารถเลือกทำกิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตจากขอบข่ายเนื้อหาดังต่อไปนี้
        1.  กิจกรรมศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิตที่เกี่ยวกับศาสนา ศิลปวัฒนธรรมและประเพณี โดยพิจารณากิจกรรมที่มุ่งเน้นให้ผู้เรียนยึดมั่นในศาสนา และปลูกฝังค่านิยมที่ดีเพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งศิลปวัฒนธรรม และประเพณีที่ดีงามของท้องถิ่นและของชาติ เช่น
                -  กิจกรรมส่งเสริมการประกอบอาชีพในวันสำคัญทางศาสนา
                -  กิจกรรมส่งเสริมการศึกษาหลักธรรมคำสอนของศาสนา
                -  กิจกรรมส่งเสริมวันสำคัญของชาติ เช่น วันขึ้นปีใหม่ วันพ่อ วันแม่ วันเด็ก วันครอบครัว วันผู้สูงอายุ วันรัฐธรรมนูญ วันสตรีสากล ฯลฯ
                -  กิจกรรมส่งเสริมศิลปวัฒนธรรมและประเพณีอันดีงามของท้องถิ่นและของชาติ เช่น ประเพณีลอยกระทง ประเพณีสงกรานต์ ประเพณีการแต่งกายประจำท้องถิ่น และประเพณีวัฒนธรรมต่าง ๆ ของท้องถิ่น ตลอดจนการละเล่น พื้นเมืองต่าง ๆ
                -  ฯลฯ
        2.  กิจกรรมการพัฒนาชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม
กิจกรรมพัฒนาคุณภาพชีวิต ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาชุมชน สังคมและสิ่งแวดล้อม โดยพิจารณา เลือกทำกิจกรรมที่มุ่งเน้นการพัฒนา การบำเพ็ญประโยชน์เพื่อแก้ไขปัญหาของชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ทำให้ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมดีขึ้นอย่างยั่งยืน เช่น
                -  กิจกรรมขุดลอกคูคลอง ทางระบายน้ำในหมู่บ้าน
                -  กิจกรรมกำจัดขยะมูลฝอยในที่สาธารณะ
                -  กิจกรรมรักษาความสะอาด ถนน ทางเดินในหมู่บ้าน
                -  กิจกรรมปลูกต้นไม้ ดูแลรักษาสาธารณสมบัติ
                -  กิจกรรมสร้างทางเท้า ทางเดินหมู่บ้าน
                -  กิจกรรมสร้างศาลาอเนกประสงค์
                -  กิจกรรมสร้างส้วมสาธารณะ
                -  กิจกรรมต่อต้านยาเสพติด อาสาสมัครป้องกันยาเสพติด
                -  กิจกรรมอาสาสมัครพิทักษ์สิ่งแวดล้อม
                -  กิจกรรมเวทีชาวบ้าน
                -  กิจกรรมส่งเสริมประชาธิปไตย
                -  กิจกรรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
                -  ฯลฯ